ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า การใช้อินฟลูเอนเซอร์ถือเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ค่อนข้างมีอิทธิพลกับการตลาดของหลายๆ แบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2023 ที่ผู้คนค่อนข้างให้ความสนใจต่อสินค้าและบริการที่เป็นกระแส รวมถึงการที่อินฟลูเอนเซอร์ที่ตนชอบหรือมีชื่อเสียงใช้สินค้าหรือบริการนั้นๆ ดังนั้น Influencer Company ควรที่จะต้องรู้และทำความเข้าใจกับกระแสสังคมที่เปลี่ยนไป เพื่อนำมาปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและสร้างแนวทางให้กับอินฟลูเอนเซอร์ในบริษัทของตน ซึ่งถือว่าจะเป็นกุญแจที่สำคัญในการพัฒนาคอนเทนต์ให้โดดเด่นและประสบความสำเร็จ
สิ่งที่ Influencer Company ควรให้ความสนใจต่อตลาดอินฟลูเอนเซอร์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2023
1.การเปลี่ยนไปใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นทั้ง นาโน และ ไมโคร
ผู้บริโภคมักจะมองหาเนื้อหาคอนเทนต์ต่างๆ จากบุคคลอื่น แต่นักการตลาดอย่างเราควรที่จะมุ้งเน้นใน การทำงานร่วมกันกับอินฟลูเอนเซอร์ทั้งระดับนาโนและไมโคร ซึ่งยอดของผู้ติดตามของคนเหล่านี้จะอยู่ที่ 1,000-100,000 หลายคนคงคิดว่าอินฟลูเอนเซอร์ระดับนาโนอาจไม่สำคัญ แต่ความจริงแล้วอินฟลูระดับนี้สามารถเข้าถึงกลุ่มต่างๆ ของ Community ที่ตนเองอยู่พร้อมทั้งได้รับความไว้วางใจค่อนข้างสูงอีกด้วย Influencer Company จึงควรให้ความสำคัญกับอินฟลูทั้งในระดับนาโนหรือไมโคร เพราะเมื่อลูกค้าของคุณมีการเปิดตัวไลน์สินค้าที่มากขึ้น อินฟลูเหล่านี้ก็อาจจะเป็นตัวช่วยในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม รวมถึงเพิ่มการรับรู้และกระตุ้นยอดขายได้อีกด้วย
2. วีดีโอจะกลายเป็นคอนเทนต์ที่โดดเด่นในอนาคต
แพลตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ มีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ เช่น Live Streaming ซึ่งวีดีโอประเภทนี้ต่อไปจะกลายเป็นคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาโดดเด่นที่สุดในปี 2023 เพราะตัววีดีโอหรือ Live Streaming นี้ สามารถมอบความบันเทิง ความสนุกสนาน และมีการตอบโต้ พูดคุยพร้อมทั้งให้ข้อมูลต่างๆ ได้ทันที ทำให้ผู้ชมเกิดความสนใจและสามารถครองใจผู้ชมได้ และในปัจจุบันแพลตฟอร์มที่มาแรงที่สุดก็คงไม่พ้น TikTok และคาดว่าฐานผู้ใช้งาน TikTok ก็จะเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน ดังนั้น Influencer Company ควรใช้โอกาสนี้หันมาใช้และนำเสนอกับลูกค้า ในการทำวีดีโอผ่านการ Live Streaming หรือทำวีดีโอสั้นๆ เพื่อจะเข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ชมอายุน้อยหรือวัยรุ่นที่นิยมเล่นและให้ความสนใจกับคอนเทนต์ประเภทนี้
3.เปลี่ยนจาก Vanity Metrics เป็น Quality KPI
Vanity Metrics หรือค่าที่สร้างความพึงพอใจเมื่อมีตัวเลขที่ดี แต่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น อัตราการมีส่วนร่วม การคลิ๊กคอนเทนต์ หรือแม้แต่ยอดผู้ติดตาม ซึ่งในปี 2023 การใช้จ่ายไปกับเรื่องเหล่านี้อาจจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เปล่าประโยชน์ แม้ว่านักการตลาดส่วนใหญ่จะให้ความสนใจกับยอดผู้ติดตามเป็นหลักในการคัดเลือกอินฟลูเอนเซอร์ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา แต่ยอดผู้ติดตามก็ไม่ได้มีปัจจัยกำหนดว่าผลลัพธ์จะออกมาดีในทางธุรกิจ ซึ่งในปี 2023 การให้ความสำคัญกับ Vanity Metrics อาจจะลดลง และให้ความสำคัญกับคุณภาพและเนื้อหาที่อินฟลูเอนเซอร์แต่ละคนนำเสนอ รวมทั้งการให้คุณค่ากับแบรนด์มากน้อยแค่ไหน
ปัจจุบันหลายๆ แบรนด์ก็เริ่มมีแนวโน้มที่จะต้องการหาอินฟลูเอนเซอร์ที่ทำคอนเทนต์อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าใจในแบรนด์ของตนและสามารถสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพได้ นอกจากนี้ ROI และ คอนเทนต์ที่คุณภาพจะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการวัดประสิทธิภาพของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ แล้วพวกเรา Influencer Company มีอินฟลูเอนเซอร์ที่ทำคอนเทนต์ได้อย่างมีคุณภาพแล้วหรือยัง?
4.พลังของ UGC (User-generated content)
User-generated content หรือเนื้อหาคอนเทนต์ทุกประเภทที่ถูกสร้างมาจากผู้บริโภคที่ใช้สินค้าหรือบริการนั้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการโพสรีวิวสินค้าในแพลตฟอร์มต่างๆ โดยในปีนี้หลายๆ แบรนด์ให้ความสำคัญกับ UGC มากขึ้นเพื่อที่จะสร้างหลักฐานและให้เป็นที่พูดถึงในสังคมว่าสินค้าหรือบริการของตนนั้นดีจริง และ UGC นี้ยังสามารถสร้างประโยชน์ในเชิงบวกได้มาก หากคนที่ใช้จริงๆ มารีวิวเพราะมันจะค่อนข้างน่าเชื่อถือ Influencer Company อาจนำมาปรับและทำได้ 2 ทาง คือ หนึ่งต้องมีการจัดการให้อินฟลูเอนเซอร์ใช้สินค้าหรือบริการของลูกค้าอย่างจริงๆ จังๆ ไม่ใช่เพื่อการรีวิวเพียงอย่างเดียว ต้องให้เห็นถึงคุณภาพของสินค้าบริการนั้นๆ และสามารถนำมาบอกต่อได้ตามความรู้สึกของตนจริงๆ อีกทางคือ การที่ให้ลูกค้าคอมเมนต์หรือรีวิวอินฟลูเอนเซอร์ที่ทำงานร่วมด้วยว่าเป็นอย่างไร เพราะอินฟลูแต่ละคนมีความคิดสร้างสรรค์และการรีวิวที่ไม่เหมือนกัน ตรงนี้ Influencer Company ก็ยังสามารถนำ UGC มาใช้ในช่องทางออฟไลน์ของบริษัทได้ เช่น เว็บไซต์ ทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นว่ามีคนมาใช้บริการอินฟลูของเราและได้รับความประทับใจอย่างไร
5.การจ่ายค่าตอบแทนแก่อินฟลูเอนเซอร์
จนถึงตอนนี้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์มักใช้จำนวนผู้ติดตาม มาคำควณค่าธรรมเนียมสำหรับการโปรโมทสินค้าและบริการต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามควรที่จะต้องเปลี่ยนจากการดู Vanity Metrics มาดูถึงคุณภาพของ คอนเทนต์และการมีส่วนร่วมจริงๆ ของผู้บริโภค ดังนั้น นักการตลาดส่วนใหญ่อาจจะต้องการรูปแบบในการจ่ายเงิน เป็นต่อผลงาน มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะได้เห็นอย่างชัดเจนว่าคอนเทนต์ที่ทำมาเห็นผลและมีคุณภาพจริงๆ Influencer Company ก็ต้องเริ่มที่จะมองหาอินฟลูเอนเซอร์ในบริษัทของตนที่ไม่ใช่แค่เพียง มียอดติดตามที่สูง แต่ผลงานก็ต้องมีคุณภาพด้วยเช่นกันเพื่อที่จะได้จ่ายค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผล
6.อินฟลูเอนเซอร์สามารถคิดและผลิตคอนเทนต์ได้เองเต็มรูปแบบ
อย่างสุดท้ายที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงในปี 2023 คือ การที่ให้อินฟลูเอนเซอร์สามารถควบคุมความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตคอนเทนต์ต่างๆ ได้เอง เพราะอินฟลูเอนเซอร์ค่อนข้างมีความเข้าใจในแพลตฟอร์มต่างๆ และมีความคิดสร้าสรรค์ที่แตกต่างกันไปในการสื่อสารเนื้อหาของแต่ละแบรนด์ รวมถึงยังมีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้น Influencer Company ควรมีการจัดกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ของตนว่าเหมาะกับการรีวิวสินค้าหรือบริการอะไร และให้อินฟลูแต่ละคนแสดงศักยภาพในความคิดสร้างสรรค์คอนเทนต์ของตนได้อย่างเต็มที่ แต่ต้องอยู่ในบรีฟงานด้วยนะ ><
สรุป
ผู้คนหันมาสนใจและเล่นสื่อโซเชี่ยลกันมากขึ้น การตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ในปี 2023 นี้จะต้องเป็นที่ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน และถ้าเรามีกลยุทธ์การตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ที่ดีและสามารถดึงศักยภาพของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ในทุกระดับมาใช้ได้ ย่อมนำไปสู่ความสำเร็จในการทำการตลาดอีกขั้น ดังนั้นหวังว่า Influencer Company ในทุกๆ บริษัทจะมาเริ่มพิจารณาใช้ประโยชน์จากเทรนด์ทั้ง 6 นี้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ในปี 2023 นะคะ
และทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณที่ Forbes ที่ได้รวบรวมเทรนด์ที่กำลังจะเปลี่ยนไปและจะเกิดขึ้นในปี 2023 นี้
สามารถอ่านและติดตาม Blogs อื่นๆของเรา ได้ ที่นี่