ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ ช่วย SME มียอดขายเพิ่ม ธุรกิจเติบโตขึ้นได้อย่างไร ?
เรื่องออนไลน์จะพูดง่ายก็ง่ายจะพูดให้ยากก็ยากเพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราแต่คุณควรจะพิจารณาว่าการใช้ออนไลน์ในเรื่องส่วนตัวกับในด้านธุรกิจนั้นมีความแตกต่างกันมากแค่ไหนเรามีบทความจาก https://taokaemai.com/ ให้คุณลองอ่านดู
ที่ปรึกษาการตลาดอออนไลน์ถือเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการที่จะช่วยให้ SME สามารถวิเคราะห์กลไกตลาดออนไลน์ได้อย่างตรงจุด กำหนดทิศทางการตลาดให้กับสินค้าและบริการได้อย่างตรงเป้า เพิ่มโอกาสสร้างยอดขาย และเอาชนะคู่แข่งในตลาดได้
หาก SME มองว่าการมีที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์เป็นการลงทุนสำหรับธุรกิจแล้วละก็ นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างหนึ่งครับ ทว่าหากมองว่าการ “จ้างที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์” เป็น “รายจ่าย” เป็นไปได้ว่าคุณยังไม่ได้จริงจังกับธุรกิจที่คุณกำลังทำ
ในยุค Digital ครองเมือง สื่อที่สามารถเข้าถึงผู้คนมากมายได้รวดเร็วและทรงประสิทธิภาพที่สุดคงหนีไม่พ้นสื่ออนไลน์ทุกแขนง หลายธุรกิจเลือกใช้สื่อออนไลน์ในการโปรโมทธุรกิจมากเกือบ 100% เพราะทำได้ง่าย และใช้งบประมาณน้อยกว่าการโปรโมทสินค้าแบบออฟไลน์ แต่จะทำอย่างไรเราจึงจะสามารถดึงศักยภาพของสื่ออนไลน์ออกมาได้มากที่สุด และนั่นคือสาเหตุที่เราจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์เข้ามาช่วยเหลือธุรกิจนั่นเอง
ปัญหาการขาดความรู้และทีมงานในการทำการตลาดออนไลน์ของ SME
มีสินค้าดี แพคเกจจิ้งสวย ราคาสมเหตุสมผล มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม แต่ทำไมยอดขายถึงไม่กระเตื้อง นับเป็นปัญหาระดับชาติของเหล่าเจ้าของธุรกิจ เพราะเวลาที่เราคิดจะทำแบรนด์สินค้าและบริการ เจ้าของกิจการมักจะสนใจเพียงเรื่องของแหล่งผลิตสินค้า การออกแบบ โลโก้ และต้นทุนในการผลิตเป็นหลัก และคิดว่าเมื่อสินค้าเราดี สินค้าย่อมเป็นที่สนใจอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องการตลาดค่อยทำทีหลังก็ได้ หรือไม่ก็คิดว่าเพียงแค่โปรโมทในสื่อโซเชียลบ่อย ๆ อาศัยการ Like & Share จากกลุ่มเพื่อนก็เพียงพอ และนั่นคือความคิดที่ผิดมหันต์ กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่มีสินค้าค้างสต็อคมากมาย ยอดขายไม่ขยับ โปรโมทไปแล้วก็เงียบ เพราะขาดการวางกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดี ทำการตลาดแบบขาดทิศทางเพราะไม่มีความชำนาญและอ่านเกมส์ตลาดออนไลน์ได้ไม่ลึกซึ้งพอ
กว่า 80% ของธุรกิจประสบเหมือนกันคือ “ธุรกิจกำลังจะแย่แล้ว ช่วยหน่อย” แน่นอนครับ ทางทีมงานก็อยากจะช่วย แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
คุณลองนึกภาพคนที่เป็น “มะเร็งระยะที่ 3” หรือ “ระยะที่ 4” ดูสิครับ การใช้บริการหมอเพียงอย่างเดียวคงไม่ใช่คำตอบ และการใช้บริการที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ ตอนที่ธุรกิจเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายก็เช่นกัน
ทำธุรกิจอย่าปล่อยให้เป็น “มะเร็ง” ก่อนที่จะไปหาที่ปรึกษา ควรที่จะต้อง ดูแลหมั่นตรวจสุขภาพธุรกิจตัวเองอยู่เสมอ จะผลิตสินค้าอะไรออกมา “คุณภาพสินค้า” มันต้องได้ แต่ที่ขาดไม่ได้คือ “แผนการตลาด” ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ทันกับเทคโนโลยี และ “งบประมาณ” ที่ต้องตระเตรียมเอาไว้ให้เพียงพอ
เจ้าของกิจการ “ทำงานคนเดียว” ไม่ได้!!! จำเป็นต้องมีทีมงานที่จะช่วยผลักดันธุรกิจ ช่วยเขนสินค้าไปหาลูกค้า
ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ที่ดีช่วยอะไร SME ได้บ้าง ?
ที่ปรึกษาการตลาดอออนไลน์ถือเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการที่จะช่วยให้ SME สามารถวิเคราะห์กลไกตลาดออนไลน์ได้อย่างตรงจุด กำหนดทิศทางการตลาดให้กับสินค้าและบริการได้อย่างตรงเป้า ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ที่ดีสามารถช่วย SME ได้อย่างไรบ้าง
1.SWOT ธุรกิจเพื่อหา Solution ที่เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ
SWOT คือการวิเคราะห์ จุดแข็ง (Strengths) จุดอ่อน (Weaknesses) โอกาส (Opportunities) และอุปสรรค (Threats) ของแบรนด์สินค้านั้น ๆ ว่ามีจุดแข็งที่มีความได้เปรียบมากกว่าสินค้าแบรนด์อื่นตรงไหน เพื่อนำมากลบข้อด้อยที่เรามีอยู่ วิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจให้กับแบรนด์สินค้าจากปัจจัยภายนอกที่จะช่วยเอื้ออำนวยในการสร้างโอกาสให้กับแบรนด์สินค้าโดยใช้จุดแข็งที่มีอยู่เป็นตัวชี้ทิศทางการทำการตลาด รวมไปถึงการวิเคราะห์อุปสรรคทางการตลาดของแบรนด์ อาทิเช่น คู่แข่ง กระแสความนิยม
อย่ามองว่าเรื่องการวิเคราะห์ SWOT เป็นเรื่องขำ ๆ ทำกันตามหลักวิชาการ จริงๆ แล้ว ไอ้ที่เราพลาดก็เพราะว่าไม่เคยใช้ “ค.ว.ย” คิด : วิเคราะห์ : แยกแยะ ก่อนที่จะผลิตสินค้า หรือตั้งต้นทำธุรกิจตัวเอง ไม่มองหาช่องทางหรือโอกาสที่จะทำให้ตัวเองชนะ
เหมือนนักรบที่ไม่รู้จักสมรภูมิ ไม่รู้จักการใช้อาวุธ และ ไม่รู้จักคู่แข่ง ออกไปรบร้อยครั้งก็ “แพ้” ทั้งร้อยครั้ง เอาเข้าจริงไม่ต้องรบถึงร้อยครั้ง แค่ครั้งเดียวคุณก็แพ้หมดตัวแล้วหละครับ
2.Fix Gap ด้วยวิธีการเหมาะสมที่ลงความเห็นร่วมกัน
ที่ปรึกษาจะช่วยเหลือในการกำหนดแนวทางในการทำการตลาดออนไลน์กับเจ้าของ SME มีการนำเสนอแผนการตลาดในระยะสั้นในการปรับแผนการตลาดให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบันและแผนการตลาดในระยะยาวเพื่อกำหนดเป้าหมาย และทิศทางการตลาดในอนาคต การเลือกใช้สื่อออนไลน์ที่เหมาะสม รูปแบบคอนเทนต์ที่น่าสนใจ และเข้ากับคอนเซ็ปท์ของสินค้า
หากเราทำ SWOT ดี เราจะเห็น “ช่องว่าง” ที่เราสามารถเข้าไปสอดแทรกในตลาดได้ เห็นแนวทางที่จะเอาชนะคู่แข่งในระดับเดียวกันได้ ทำธุรกิจหากไม่ “ช่องว่าง” หรือเป็น “ทางชนะ” มันก็ไม่ต่างอะไรกับ “ตาบอดคลำช้าง” มืดแปดด้าน สินค้าค้ากองเต็มสต็อก เงินหมด กำไรไม่มี
ช่องว่าง ทางการตลาด ช่องว่างของสินค้า ช่องว่างความต้องการของลูกค้า จะถูกนำมาเป็น “กลยุทธ์ทางด้านการตลาด” โดยใช้เครื่องมือทั้งด้านออฟไลน์ และ ออนไลน์
คำตอบแค่เพียงว่าทำ คอนเทนต์สิ !!! มีเว็บไซต์สิ !!! ทำแฟนเพจสิ !!! ใช้ Line สิ !! คงไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าการมี “เครื่องมือ” ที่ว่ามา ก็คือแล้วจะใช้ “เครื่องมือ” เหล่านั้นอย่างไร ใช้ตอนไหน ใช้อะไรก่อนหลัง ใช้เพื่ออะไร สิ่งเหล่านี้จะถูกนำมา “Fix” เพื่อกำหนด “วิธีการ” ให้กับแต่ละธุรกิจ แต่ละสินค้า ซึ่งไม่เหมือนกันทั้งหมดในแต่ละธุรกิจ
ธุรกิจของเรามี “ช่องว่าง” ที่จะเอาชนะคู่แข่งในตลาดหรือยังครับ ?
3.Implement นำวิธีการมาปรับใช้แก้ไขในแต่ละธุรกิจ
เมื่อเรารู้แล้วว่าช่องว่างทางการตลาดคืออะไร แผนการตลาดของเราที่จะเข้าสู่ตลาดได้ถูกกำหนดอย่างชัดเจน ก็เข้าสู่ขั้นตอนที่เรานำมาใช้กับธุรกิจ เริ่มออกเดินทางตามเข็มทิศธุรกิจที่ได้วางแผนกันไว้
หากวันนี้คุณยัง “ไม่มีเข็มทิศ” ธุรกิจที่คุณกำลังทำมันก็อาจ “เดินผิดทาง”
การนำวิธีการทางการตลาดออนไลน์มาปรับให้เข้ากับสินค้าและบริการของ SME ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO การสร้างสื่อโฆษณาและการลงโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการตามสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ตามงบประมาณที่วางไว้ การควบคุมแนวทางการตลาดไม่ให้หลุดคอนเซปท์ของสินค้าและอยู่ในกรอบของแผนการตลาดที่วางไว้
อบรมให้ความรู้กับทีมงานการตลาดของ SME ให้สามารถใช้เครื่องมือการตลาดออนไลน์ให้ได้ประโยชน์สูงสุด การดูแลเวปไซต์ และการสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดใจ โดยที่ปรึกษาจะเข้ามาร่วมวางรากฐานในช่วงแรก พร้อมกับให้ความรู้และวิธีการทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผลดีที่สุดกับทีมงานการตลาดของ SME
การลงมือทำ ย้ำว่า “ลงมือทำ” ไม่ใช่หน้าที่หลักของที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ แต่การ “ทำงานร่วมกัน” ระหว่างเจ้าของธุรกิจ กับ ทีมที่ปรึกษา เพราะนี่คือช่วงเวลาแห่งการ “เรียนรู้และพัฒนาธุรกิจ” ของเราเอง
4.Evaluate ประเมินติดตามผลงาน
แม้เราเดินไปตามแผน ตามทางที่วางไว้ แต่มันก็มักจะมี “ปัญหาใหม่” ขึ้นมาเสมอ และเจอกับ “อุปสรรค” ที่ไม่ได้วางแผนไว้เช่น Facebook มีการปรับกฎกติกาในลงโฆษณา , Google มีข้อห้ามใหม่ๆ ,เทคโนโลยีเปลี่ยน เว็บไซต์แบบเก่าไม่รองรับ ฯ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ จำเป็นที่จะต้องมี การประเมินผล ติดตามงานอยู่เสมอ
การประเมินผลเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ว่าแผนการตลาดทีเราได้ดำเนินการไปทั้งหมดนั้นมีผลสำเร็จมากน้อยแค่ไหน มีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นในระหว่างที่ทำกิจกรรมการตลาดออนไลน์ของเราจนทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำการตลาดของเราหรือไม่ เพื่อนำผลการประเมินที่ได้ไปทำการปรับปรุงให้เหมาะสม ทั้งการประเมินแผนการตลาดระยะสั้น และแผนการตลาดระยะยาว ว่าจะมีผลกระทบอะไรจนต้องมีการปรับแผนระยะยาว หรือเป็นเพียงปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งส่งผลกระทบต่อแผนระยะสั้นของเราเท่านั้น
ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ที่มีประสบการณ์จะสามารถสรุปผลการประเมินรวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบได้ดีกว่า และลึกซึ้งกว่า ช่วยในการปรับแก้แผนการตลาดของเราได้ดีกว่า
5.Adjust ปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกับสถานการณ์
ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผนที่วางไว้ 100% หน้าที่ของ SME คือ ปรับเปลี่ยนเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด เดินไปยังเป้าหมายที่วางไว้ “แผนการปรับเปลี่ยนได้ แต่เป้าหมายยังคงเดิม”
เมื่อมีการประเมินและวัดผลที่ชัดเจน ทราบถึงปัญหาที่ทำให้การตลาดของเราไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้เกิดขึ้นจากอะไร ถึงเวลาที่ควรปรับแผนการตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในขณะนั้น ที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์จะช่วย SME ในการปรับแผนการตลาด ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบทำให้แผนเดิมไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร โดยสามารถอธิบายให้เจ้าของ SME ทราบได้อย่างเป็นรูปธรรม ถึงสาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ที่จะต้องทำการปรับแผนการตลาดออนไลน์ของเรา
ธุรกิจที่ “เจ้ง” หรือเข้าสู่ขั้นวิกฤตเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย คือไม่มีแผนการอะไรเลย แถมยังไม่พยายามที่จะ “ปรับตัว” ยังคง “รั้น” ที่จะทำแบบเดิมๆ พฤติกรรมแบบเดิม ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่อยากมีสุขภาพแข็งแรง แต่ไม่ออกกำลังกาย อยากมีธุรกิจที่แข็งแรงแต่ไม่มีการปรับตัว !!!
หลักเกณฑ์ในการเลือกจ้างที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์
1.มีประสบการณ์ด้านการตลาดออนไลน์
โดยสามารถประเมินความเป็นมืออาชีพได้จาก ผลงานที่ผ่านมาจากหน้าเวปไซต์ของบริษัทที่ปรึกษา ว่าเคยผ่านการเป็นที่ปรึกษาให้กับแบรนด์อะไรบ้าง หรือมีบทความแนะนำความรู้เกี่ยวกับการทำการตลาดออนไลน์บ้างหรือไม่
2.สามารถให้คำแนะนำเบื้องต้นพร้อมเสนอราคาเหมาะสม
ที่ปรึกษาที่ดีจะสามารถประเมินความยาก –ง่ายของการทำการตลาดออนไลน์ของสินค้าแต่ละประเภทได้ ดังนั้น นอกจากแพ็คเกจที่ SME ต้องการให้ที่ปรึกษาเข้ามาดูแลแล้ว จะต้องสามารถให้คำแนะนำเบื้องต้นว่า SME จะต้องเตรียมอะไร หรือทำอะไรบ้างในการทำการตลาดออนไลน์
3.ความสบายใจที่ได้ร่วมงาน
การใช้บริการที่ปรึกษา หากมองเป็นการจ้างงานคุณจะได้แค่งาน ทว่าหากมองเป็น “เพื่อนร่วมงาน” หรือ “หุ้นส่วน” ที่เป็นฟันเฟืองหนึ่งที่จะช่วยกันพาให้ธุรกิจไปยังความสำเร็จ เพราะฉะนั้นแล้ว ความสบายใจที่ได้พูดคุย ร่วมงานกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนั่นหมายถึงความสำเร็จที่แต่ละฝ่ายจะหยิบยื่นให้กันและกัน
ค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์
เป็นสิ่งที่ SME กังวลที่สุดเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดเหตุการณ์ที่ว่า “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” คือมาหาหมอเมื่อหมดหนทางที่จะไปแล้ว แน่นอนครับค่าใช้จ่ายมันสูงแน่ๆ เหมือนคุณเป็นมะเร็งระยะท้ายๆ ไหนจะค่าฉีดคีโม ค่าเดินทาง ค่าโรงพยาบาล ค่าหมอค่าพยาบาลดูแล ค่าหยูกค่ายา สารพัน ไม่มีทางเลี่ยงที่จะไม่จ่าย เพราะคุณต้องการ “ต่อเวลาชีวิต” ธุรกิจก็เช่นกันหากเข้าขั้นนี้ก็ทำได้แค่ “ต่อเวลาธุรกิจ” ซึ่งไม่คุ้มค่ากันเลย
ทว่าหากเราเข้าใจ และให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ การที่เรามีทีมงานที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์เข้ามาช่วยตั้งแต่ต้น ๆ มันเหมือนการลงทุนในธุรกิจ เป็นเหมือนโค้ชเวลาเราไปฟิตเนสออกกำลังกาย ค่าใช้จ่ายมีตามเหตุและปัจจัยแต่เราสุขภาพดีขึ้น ต่างกับตอนเราไปหาหมอตอนที่เราป่วย
จำนวนเงินที่ต้องลงทุนในส่วนของที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ ขึ้นอยู่กับประเภทและขนาดของธุรกิจ รวมทั้งประสบการณ์ทีมงานที่ปรึกษา โดยส่วนใหญ่เริ่มต้นก็มักจะคิดกันเป็น Man day หรือคิดค่าที่ปรึกษาเป็นวันก่อนเพื่อการกำหนดกรอบและค้นหาความต้องการ ปัญหาของธุรกิจ หลังจากที่ได้ส่วนนี้แล้วก็คิดกันเป็น Project ไป ว่าต้องทำอะไรบ้าง ดังที่กล่าวมาข้างต้น
หาก SME มองว่าการมีที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์เป็นการลงทุน นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างหนึ่งครับ ทว่าหากมองว่าการ “จ้างที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์” เป็น “รายจ่าย” เป็นไปได้ว่าคุณยังไม่ได้จริงจังกับธุรกิจที่คุณกำลังทำ