อัพเดต 13 เทรนด์การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ ในปี 2021

อัพเดต 13 เทรนด์การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ ในปี 2021

เราได้พบบทความดีดีจาก influencermarketinghub.com เกี่ยวกับเทรนด์การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ในปี 2021 จึงนำมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านไปด้วยกันค่ะ

ประมาณการล่าสุดแสดงให้เห็นว่าการตลาดอินฟลูเอนเซอร์จะกลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่า 15 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2022 ตามรายงานของ Business Insider จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ 63% ของนักการตลาดวางแผนที่จะเพิ่มงบประมาณการตลาดมาให้กับอินฟลูเอนเซอร์มากขึ้นในปีนี้ เมื่อความนิยม ความต้องการ และการใช้จ่ายด้านการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างนี้ สิ่งสำคัญสำหรับนักการตลาดคือต้องใส่ใจกับแนวโน้มการตลาดอินฟลูเอนเซอร์เพื่อให้พวกเราสามารถมุ่งความสนใจและเสียเงินไปกับสิ่งที่ถูกต้อง เราจึงรวมรวมเอาเทรนด์ที่เกิดขึ้นในปี 2021 มาสรุปให้ฟังในบล็อกนี้ค่ะ

1. ไมโครและนาโนอินฟลูเอนเซอร์ได้รับความนิยมมากขึ้น

อินฟลูเอนเซอร์มีหลายประเภทตั้งแต่นาโนที่มีผู้ติดตามเพียงไม่กี่พันคนไปจนถึงอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงมีผู้ติดตามนับล้าน จากรายงานของ Later and Fohr ในปี 2019 ไมโครอินฟลูเอนเซอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีผู้ติดตามน้อยกว่า 25,000 คน มีอัตราการมีส่วนร่วมสูงสุดที่ประมาณ 7% เมื่อมีผู้ติดตามมากอัตราการมีส่วนร่วมก็ลดลงบน Instagram นี่ตึงทำให้ไมโครและนาโนอินฟลูเอนเซอร์เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ธุรกิจต่างๆ สนใจอยากร่วมงานด้วยแม้ว่าจะมีผู้ติดตามไม่มากก็ตาม นอกจากนี้การเลือกใช้นาโนและไมโครอินฟลูเอนเซอร์ ทำให้แบรนด์ต่างๆ สามารถกระจายงบประมาณเพื่อเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ได้หลากหลายคนอีกด้วย

2. แบรนด์เริ่มพาร์ทเนอร์กับอินฟลูเอนเซอร์แบบต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวจบแบบแต่ก่อน

ตลอดปี 2021 คาดว่าแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์จะร่วมมือกันในระยะยาวและต่อเนื่องมากกว่าการทำโปรเจ็คเพียงครั้งเดียว นั่นก็เพราะกว่าจะเกิดยอดขายได้มันต้องใช้เวลา แม้แต่กับอินฟลูเอนเซอร์ที่ผู้ติดตามมีส่วนร่วมด้วยมากที่สุดก็ยังมีมีปัญหานี้กันทั้งนั้น ดังนั้นหากคุณต้องการใช้ประโยชน์จากการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ เราแนะนำให้คุณเลือกใช้แบบแพ็คเกจที่ครอบคลุมโพสต์หลายๆ โพสต์ในช่วงแคมเปณนั้นๆ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้คุณสามารถเข้าร่วมเครือข่ายอินฟลูเอนเซอร์ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

3. แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่และประเภทเนื้อหาของอินฟลูเอนเซอร์มีมากขึ้นกว่าเดิม

ปี 2020 ทำให้เรารู้ว่ายังมีลู่ทางสำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ อยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น TikTok ที่บูมขึ้นมาจากการแพร่ระบาดของโควิด (แพลตฟอร์มใหม่ๆ นั้นไม่ได้มีแค่ TikTok แต่ยังมี Clubhouse และ Instagram Reels อีกด้วย) ต้นปี 2020 ที่ TikTok เริ่มได้รับความนิยม ทำให้มีอินฟลูเอนเซอร์เกิดขึ้นในแพลตฟอร์ม มีการจ้างงาน มีการทำโฆษณาใน TikTok อย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2021 ที่ TikTok ก็พัฒนาให้รองรับความต้องการของทั้งแบรนด์ อินฟลูเอนเซอร์ และผู้บริโภคให้สามารถเห็นคอนเท็นท์และตรงเข้าไปซื้อของได้เลย

นอกจากโซเชียลมีเดียใหม่ๆ แล้ว เทคโนโลยี AI ที่ก้าวหน้าทำให้เราได้เห็น CGI influencers ที่เริ่มดำเนินการแล้วในเกาหลีใต้และในไทยอีกด้วย

4. ดีลตามผลงาน (Performance-Based) จะเพิ่มขึ้น

ในขณะที่แบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ต่างแสวงหาความร่วมมือระยะยาว ก็มีแนวโน้มว่าการวัดผลการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ตามผลงาน (Performance-Based) จะเพิ่มขึ้น หมายความว่าลูกค้าคาดหวังว่าอินฟลูเอนเซอร์จะสามารถลงโพสแล้วได้ผลงานตามสัญญา ตัวอย่างผลงานก็เช่น จำนวนยอดขาย จำนวนคลิก จำนวนการมีส่วนร่วม ดังนั้นหากคุณเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ต้องเจอกับสัญญาตามผลงาน คุณอาจต้องการพิจารณาและตรวจสอบสัญญาของคุณก่อนที่จะลงนามเพื่อให้แน่ใจว่าคุณรู้ว่าคุณกำลังตกลงอะไรก่อนที่จะรับประกันผลงาน

5. อินฟลูเอนเซอร์จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น

เราได้เห็นอินฟลูเอนเซอร์เจาะกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะกลุ่มมาแล้ว นั่นคือเทรนด์การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง อินฟลูเอนเซอร์จะยังคงพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะกลุ่มหรือเฉพาะกลุ่มธุรกิจของตัวเองต่อไป นั่นทำให้พวกเขาเป็นที่ต้องการของแบรนด์มากยิ่งขึ้น ถ้าคุณคืออินฟลูเอนเซอร์ถึงเวลาที่จะต้องพิจารณาว่าธุรกิจไหนที่คุณหลงใหลมากที่สุด และเริ่มสานสัมพันธ์กับแบรนด์นั้นๆ

6. การทำงานร่วมกัน (Collaboration) ของอินฟลูเอนเซอร์จะเพิ่มมากขึ้น

เทรนด์การตลาดของอินฟลูเอนเซอร์ระบุว่าปี 2021 เราได้เห็นการทำงานร่วมกันของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์มากขึ้น อินฟลูเอนเซอร์ร่วมมือร่วมใจกันเป็นหนึ่ง และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเครือข่ายอินฟลูเอนเซอร์พยายามหาวิธีเพิ่มแคมเปญการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์และรับผลตอบแทนที่มากขึ้นนั่นเอง

7. การวางแผนและข้อมูลกลายเป็นสิ่งจำเป็น

ดังที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ สัญญาและข้อตกลงตามผลงานจะเพิ่มขึ้นมากขึ้น นั่นหมายความว่าการวางแผนและข้อมูลจะมีบทบาทสำคัญในการทำตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ ปัจจุบันแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์สามารถทำงานร่วมกันอย่างสะดวกมากขึ้น  สามารถวางแผนแคมเปญร่วมกันได้มากขึ้น สามารถติดตามข้อมูล และวัดผลการตลาดบนโซเชียลมีเดียได้ ช่วยให้แบรนด์รู้ว่าอินฟลูเอนเซอร์นั้นๆ คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ ในขณะอินฟลูเอนเซอร์ก็ต้องวิเคราะห์และการรายงานผลลัพธ์ได้ เพื่อให้สามารถทำตามคำมั่นสัญญาได้

8. วิดีโอคอนเท็นต์จะได้รับความนิยมมากขึ้น

ใช่ เรารู้มานานอย่างน้อยก็เจ็ดปีแล้วที่วิดีโอคอนเท็นต์เป็นส่วนสำคัญเสมอ ไม่ใช่แค่เทรนด์การตลาดของอินฟลูเอนเซอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทรนด์การทำตลาดโดยทั่วไปด้วยเพราะคนชอบวิดีโอ เห็นได้จากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ TikTok และการเปิดตัว Instagram Reels เราจะเห็นเนื้อหาวิดีโอมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ IGTV ยังคงอยู่ในระหว่างการทดสอบ เพื่อรอให้ Instagram เริ่มให้รายได้จากโฆษณาบนแพลตฟอร์มอีกด้วย

นอกจากนี้ผู้บริโภคก็เริ่มคุ้นชินกับวิดีโอบนแพลตฟอร์มอย่าง YouTube, Facebook, TikTok, Instagram Reels, IGTV และอื่นๆ อีกมากมาย เฉพาะบน Facebook เพียงอย่างเดียวมีจำนวนผู้ใช้ที่ดู LIVE วิดีโอเพิ่มขึ้น 50% ในช่วงต้นปี 2020 แน่นอนว่าจำนวนการดูต้องเพิ่มขึ้นอยู่แล้วจากการระบาดของโควิด แต่การเพิ่มขึ้นถึง 50% นั้นมหาศาลเลยทีเดียว

9. คอนเท็นต์ที่แท้จริง (จริงใจ) คือแก่นสำคัญ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื้อหาที่ “แท้จริง” จริงใจเข้ามามีบทบาทอย่างมาก แปลว่าอินฟลูเอนเซอร์จะต้องระมัดระวังกับเนื้อหาที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผลิตภัณฑ์รีวิวสอดคล้องกับผู้ชมของพวกเขา แบรนด์เองก็ต้องระวังเช่นเดียวกัน แม้แต่อินฟลูเอนเซอร์ที่มีค่าการมีส่วนร่วมมากที่สุดก็ยังไม่สามารถชักจูงผู้ติดตามให้หันมาคลั่งไคล้ผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาไม่สนใจได้ ความพยายามจะชักจูงกลุ่มเป้าหมายแบบนี้จึงไม่เป็นประโยชน์ต่อแบรนด์ อินฟลูเอนเซอร์เองก็อาจสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้ติดตาม

อินฟลูเอนเซอร์และแบรนด์ควรเลือกพาร์ทเนอร์เฉพาะเมื่อมีผู้ติดตามคาบเกี่ยวกัน คอนเท็นต์ของโพสต์ที่บอกผู้ติดตามว่าได้รับการสนับสนุนอย่างโจ่งแจ้งนั้นไม่ใช่ปัญหาอีกแล้ว ดังนั้นอินฟลูเอนเซอร์ไม่จำเป็นต้องแกล้งว่าไม่ได้รับสปอนเซอร์เพื่อทำให้โพสต์ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น สิ่งที่ทำให้เนื้อหาได้รับการตอบรับที่ดีคือความรู้สึกตื่นเต้นอย่างแท้จริงเกี่ยวกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่กำลังพูดถึงอยู่ต่างหาก และสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะถ่ายอยู่ในสตูดิโอหรือบนเรือยอทช์ก็ตาม (เว้นแต่คุณจะโพสต์เกี่ยวกับธุรกิจเรือยอทช์นะคะ ในกรณีนี้ถ่ายบนเรือยอทช์จะเหมาะสมกว่ามาก)

สิ่งที่เรามักจะมองข้ามนั่นคือการเชื่อมต่อที่ลึกซึ้งระหว่างอินฟลูเอนเซอร์ ผู้ติดตามและเนื้อหาที่มีคุณค่า ดังนั้นแทนที่จะทำโพสต์ที่ทั่วๆไป ที่จำลองมาจากโฆษณาทางทีวี ลองเปลี่ยนมาเป็นการถามและตอบเกี่ยวกับแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ ทำวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่ามันใช้งานอย่างไร และสามารถพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่คุณไม่ชอบเกี่ยวกับแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ได้ด้วย ตราบใดที่ผู้ติดตามของคุณจะรู้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นแม้จะมีข้อบกพร่อง แต่ก็ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีและคุ้มค่าที่สุดอยู่ดี เพราะสำหรับอินฟลูเอนเซอร์แล้วความจริงใจที่คุณมีจะทำให้ผู้ติดตามไว้วางใจคุณมากขึ้น สำหรับแบรนด์เองก็แสดงถึงความซื่อสัตย์ของคุณ และเป็นที่รักในที่สุด

10. หลากหลายประเด็นสังคมทำให้การตลาดอินฟลูเอนเซอร์จะยังเติบโตต่อไป

ปี 2020 นำเราไปสู่การเคลื่อนไหวให้กับหลากหลายประเด็นทางสังคม อินฟลูเอนเซอร์และแพลตฟอร์มจำนวนมากทำงานเพื่อเน้นย้ำว่าหลายที่ในสังคมยังขาดการยอมรับขาดความเท่าเทียมกันในความหลากหลาย แพลตฟอร์มต่างๆ เริ่มก้าวเขามาเป็นตัวแทนของประชากรบางกลุ่ม โดยเฉพาะ Instagram และ TikTok ที่ได้รับความสนใจจากการร่วมกันต่อต้านคนผิวดำ ต่อต้านไขมัน ต่อด้านการรีทัชรูปเกินจริง ไปจนถึงงานต่อต้านเซ็กส์ แม้ว่าจะใช้เวลานานก่อนที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจะหันมาเชิดชูความคิดเรื่องการไม่แบ่งแยกและการเฉลิมฉลองความหลากหลาย แต่ในที่สุดปี 2020 เราก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมากกว่าแต่ก่อน

การขับเคลื่อนไปสู่ความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกจะส่งผลต่อแบรนด์และวิธีเลือกอินฟลูเอนเซอร์ให้มาร่วมงานด้วย ถึงแม้ที่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เราเริ่มเห็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีให้เลือกหลากหลาย แบรนด์เองก็ต้องเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจโดยรวมเพื่อสร้างความหลากหลายด้วยเช่นกัน หลายแบรนด์ถูกกดดันให้แสดงจุดยืนมากขึ้นเรื่อยๆ  ในเรื่องความยุติธรรมทางสังคมและหัวข้อทางการเมืองที่พวกเขาเคยมองข้ามหรือไม่เคยพูดถึงเลยในอดีต การเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์จึงต้องเปลี่ยนไปตามเทรนด์นี้ด้วยเช่นกัน

11. Social Commerce สร้างโอกาสให้ได้รับการสนับสนุนใหม่

ในปี 2020 แบรนด์ต่างๆ ถูกบังคับให้การลงแรงทางการตลาดต้องเปลี่ยนเป็นยอดขายเข้าถึงนักช็อปตัวจริง ร้านค้าที่มีหน้าร้านจริงต้องปรับตัวเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ แล้วก็ได้พบว่าที่จริงตัวเองมีคู่แข่งมากขึ้น จึงต้องหาวิธีทำให้การซื้อเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ซื้อ ทุกแบรนด์ปรับตัวมาใช้เทคโนโลยีใหม่ได้เร็ว

นี่คือโอกาสใหม่สำหรับการตลาดอินฟลูเอนเซอร์และการรับเงินสนับสนุนจากแบรนด์ผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซ วิดีโอและโพสต์ที่จะก่อให้เกิดยอดขายได้ต้องสร้างประสบการณ์การช็อปที่ราบรื่นให้กับผู้ซื้อ ตั้งแต่เนื้อหาจากอินฟลูเอนเซอร์ ช่องแบรนด์ ระบบอีคอมเมิร์ซ นั่นทำให้การตลาดอินฟลูเอนเซอร์คาดหวังให้เทรนด์นี้ยังคงดำเนินต่อไป

12. พนักงานกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์เพิ่มมากขึ้น

หนึ่งในเทรนด์การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ของปี 2021 คือผู้บริโภคต้องการเนื้อหาที่แท้จริง (จริงใจ) หนึ่งในนั้นก็คือเนื้อหาที่ถูกสร้างโดยพนักงานเอง เราได้เห็นแล้วว่าเนื้อหาที่ลูกค้าสร้างขึ้นสามารถมีผลกระทบอย่างมากต่อการขายและการรับรู้ต่อแบรนด์อย่างไร จึงไม่น่าแปลกใจที่แบรนด์จะเริ่มปฏิบัติต่อพนักงานของตนในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ผ่านโครงการสนับสนุนพนักงานต่างๆ ด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างเช่น Macy’s ในโปรเจ็ค Style Crew ที่ Macy’s จะมอบสิ่งจูงใจและให้รางวัลแก่พนักงาน เมื่อพนักงานโพสต์การใช้ผลิตภัณฑ์ของ Macy’s ในชีวิตประจำวันแล้วโพสต์นั้นสามารถนำไปสู่การขายได้ คอนเท็นต์นี้ได้ผลดีกับทั้งพนักงานของ Macy’s และตัวบริษัทเองด้วย

13. การโฆษณาแบบเสียเงินเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการเข้าถึงในวงกว้าง

เทรนด์การตลาดอินฟลูเอนเซอร์สุดท้ายนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการโฆษณา ใช่ เราทราบดีว่าโดยทั่วไปแล้วโฆษณาแบบเสียเงินจะไม่ใช้ถูกใช้ร่วมกับแคมเปญการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ อย่างไรก็ตาม แบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มการเข้าถึงด้วยเนื้อหาที่ผลิตโดยอินฟลูเอนเซอร์ การใช้การกำหนดเป้าหมายแบบละเอียดที่มีอยู่ในโฆษณา Facebook หรือผ่านเครื่องมือโฆษณาสำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ จะทำให้แบรนด์จะสามารถผลักดันเนื้อหาจากอินฟลูเอนเซอร์ที่มีคุณภาพสูงให้กับไปถึงผู้ที่สนใจที่จะดูโดยไม่ต้องพึ่งพาอัลกอริธึมของโซเชียลมีเดียแล้ว

ที่มา : influencermarketinghub.com.

บริการการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ของเรา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *